วันใดรู้ตัวว่าเก่ง วันนั้นจงรู้ไว้ว่าประมาท



วันใดรู้ตัวว่าเก่ง วันนั้นจงรู้ไว้ว่าประมาท
--
หากในวันใดเรารู้ตัวว่าเราเก่ง จงละทิ้งความเก่ง
และกลับไปเป็นผู้เริ่มเรียนใหม่อย่างนอบน้อม
.
แม้ความเจริญเติบโต ความก้าวหน้างอกงาม เป็นหน้าที่พื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การอยู่บนพื้นที่ของการเรียนรู้ หากไม่หยุดยั้ง วันหนึ่ง ก็ต้องได้รับการยกค่า ให้อยู่ในแห่งหนอันควร
.
ความเติบโต ของผู้คน ย่อมทวีค่าตามวันเวลา และความเชี่ยวชาญ
.
ทว่า หลายครั้ง การมีกายศักดิ์ ที่ยิ่งใหญ่ การมีปัญญาอันเลิศล้ำ ก็ย่อมทำให้ตนดูน่าเกรงขาม หรือ กระทั่งมีตัวตนในสรรพสิ่งเกินไป
.
การทำลายตัวตน เพื่อก้าวพ้นศักยภาพ ที่เคยถือครอง เป็นเรื่องสำคัญ ครูเราเคยสอนเสมอว่า ไม่พึงประเมินค่าตัวเองสูง สำคัญตนว่าเด่นดี ถือตน
.
เพราะผู้ฝึกยุทธ ฝกตน ฝึกฝนวิชาการต่อสู้ แน่นอนว่าจะต้องมีความมั่นใจ แกล้วกล้า อาจหาญ ตามศาสตร์ ความชำนาญที่เกิดขึ้น
.
แต่ครั้น จะใช้คุณสมบัตินี้ตลอดเวลาก็หาได้สร้างประโยชน์อันใด ซ้ำร้าย จะนำภัยมาสู่ตน
.
.
ความเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อนตน เป็นผู้คนที่ธรรมดา ไม่ใหญ่โตไม่พยอง เป็นสิ่งซึ่ง จำเป็นยิ่ง แม้เป็นเรื่องยาก และต้องตั้งสติเสมอ แต่ก็พึงทำ
.
เพราะการแสดงความสามารถ ย่อมง่ายการกว่าเก็บงำ
.
การทำลายตัวตนอันใหญ่โต จึงเป็นบทเรียนสำคัญที่ผู้ฝึกฝน ทุกคน ทุกระดับ จะต้องข้ามผ่าน
.
เจิง สอนให้เรา กล้าเกร่ง แต่กระนั้น เจิง ก็จะสอนให้เราอ่อนน้อม เพราะความห้าวหาญ องค์อาจ ดุดัน จะต้องเก็บคม ซ่อนเล็บ ในวงหวาน กรีดกลาย ใต้เงาจีบรำฟ้อน
.
การซ่อนคมปัญญา การเก็บงำความชำนาญ หรือการละทิ้งทำลายตัวตนอันใหญ่โต เป็นสิ่งซึ่งจำเป็น
.
.
หากวันใด เราเริ่มใหญ่โตเกินไป จงเตือนเรา
หากวันใด เราพยองเกินงาม จงทักเรา
หากวันใด เราไม่อยู่ใน กริยาอันอ่อนน้อม
แลวันนั้น คงเป็นวันสิ้นสุด หมดค่าความดี
.
คมในฝัก รักในเกียรติ ก้าวผ่านตัวตน ก้าวพ้นอัตตา
.
26 มกราคม 2562

ความคิดเห็น